คำถามก่อนเรียน
"ในการผสมพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะแตกต่างกัน 2 ลักษณะพร้อมกัน การแยกของยีนที่เป็นคู่กันไปยังเซลล์สืบพันธุ์จะเหมือนหรือแตกต่างจากจากการแยกคู่ของยีนที่พิจารณาเพียงลักษณะเดียวอย่างไร"
Punnett Squares - dihybrid crosses
Law of independent assortment
จากการศึกษาลักษณะถั่วลันเตาของเมนเดล ทั้ง 7 ลักษณะที่กล่าวมาแล้วเป็นการศึกษาลักษณะถั่วลันเตาที่ละ
1 ลักษณะ เรียกว่า การผสมพิจารณาลักษณะเดียว (monohybrid
cross) ต่อมาเมนเดลได้ศึกษาการผสมพันธุ์ 2 ลักษณะพร้อม
ๆ กัน เรียกว่า การผสมพิจารณาสองลักษณะ (dihybrid cross) เช่น
ลักษณะของเมล็ด และลักษณะสีของเมล็ด
โดยผสมพันธุ์ระหว่างถั่วลันเตาพันธุ์แท้เมล็ดกลม สีเหลือง กับ เมล็ดขรุขระสีเขียว
ซึ่งเราทราบมาแล้วว่าถั่วลันเตาเมล็ดสีเหลืองเป็นลักษณะเด่น
เมล็ดสีเขียวเป็นลักษณะด้อย และเมล็ดกลมเป็นลักษณะเด่น เมล็ดขรุขระเป็นลักษณะด้อย
เมื่อผสมพันธุ์ถั่วลันเตาพันธุ์แท้ลักษณะเมล็ดสีเหลืองเมล็ดกลมกับลักษณะเมล็ดสีเขียวขรุขระจะได้ลูกรุ่น
F1 และ F2 ดังภาพ
จากภาพ ผลจากการทดลองพบว่า
ลูกผสมรุ่นที่ 1 ( F1) ทุกต้นจะให้เมล็ดกลมและมีสีเหลือง
ลูกผสมชั่วที่ 2 ( F2) จะมีลักษณะต่าง ๆ
(phenotype) 4 แบบ ด้วยกันคือ
1. เมล็ดกลม สีเหลือง จำนวน 315 เมล็ด =
9
2. เมล็ดกลม สีเขียว จำนวน 108 เมล็ด =
3
3. เมล็ดย่น สีเหลือง จำนวน 101 เมล็ด =
3
4. เมล็ดย่น สีเขียว จำนวน 32 เมล็ด =
1
วิธีการคำนวณหา genotype หรือ phenotype
ของลูกรุ่น
โดยใช้ตาราง เรียกว่า ตารางพันเนตต์ (Punnett square) เป็นตารางใช้ในการคำนวณการเข้าคู่กันของยีนที่เป็นแอลลีนกันสามารถเกิดได้อย่างอิสระ
ขณะเกิดการปฏิสนธิรูปแบบของจีโนไทป์ที่เกิดขึ้น (คนแรกที่ใช้คือ Reginald
Punnett) ดังตาราง
ไข่จากแม่
|
สเปิ์มจากพ่อ
|
|
Y
|
y
|
|
Y
|
YY
|
Yy
|
y
|
Yy
|
yy
|
จะเห็นว่าจำนวนลูก F2 ที่พบในแต่ละพวกคือ
315 : 108 : 101 : 32 จะใกล้เคียงกับอัตราส่วนอย่างต่ำ 9 : 3
: 3 : 1 ซึ่งเป็นอัตราส่วน ของโมโนไฮบริด หรือ 3 : 1 สองชุด คูณกัน นั่นเอง และเมื่อทำการแยกศึกษาทีละลักษณะจะได้ดังนี้ :
ลักษณะเมล็ด
|
ลักษณะสีของเมล็ด
|
(เมล็ดกลม , R ข่มเมล็ดย่น
r)
|
(สีเหลือง, Y ข่มสีขียว y)
|
พ่อแม่ RR
x rr
|
YY x yy
|
Genotype F1
Rr
|
Yy
|
Phenotype F1
เมล็ดกลม
|
สีเหลือง
|
Genotype F2
RR 2Rr rr
|
YY 2Yy yy
|
Phenotype F2 เมล็ดกลม เมล็ดย่น
|
เมล็ดสีเหลือง :
เมล็ดสีเขียว
|
อัตราส่วน 3
:
1
|
3 :
1
|
รวมผลของสองลักษณะเข้าด้วยกันโดยวิธีคูณ (เพราะเป็นเหตุการณ์ที่อิสระต่อกัน
) จะได้อัตราส่วนของลูกผสม 2 ลักษณะ หรือ 9 : 3 : 3 :
1 นั่นเอง
ลักษณะที่ 2
|
ลักษณะที่ 1
|
|
3/4 เมล็ดกลม
|
1/4 เมล็ดย่น
|
|
3/4 สีเหลือง
|
9/16 เมล็ดกลม สีเหลือง
|
3/16 เมล็ดย่น สีเหลือง
|
1/4 สีเขียว
|
3/16 เมล็ดกลม สีเขียว
|
1/16 เมล็ย่น สีเขียว
|
เมนเดลได้ทำการผสมทดสอบในลักษณะของเมล็ด , สีของเมล็ด
เพื่อยืนยันว่ายีนแต่ละคู่จะแยกออกจากกัน
และกลับเข้ารวมกันใหม่ในเซลล์สืบพันธุ์อย่างอิสระจริง
ผลการทดลองพบว่าลูกที่เกิดขึ้นมีลักษณะและอัตราส่วนดังนี้
พ่อแม่
|
เมล็ดกลม - สีเหลือง
|
เมล็ดย่น - สีเขียว
|
จีโนไทป์
|
RrYy
|
rryy
|
เซลล์สืบพันธุ์
|
1/4RY 1/4Ry 1/4rY 1/4ry
|
ry
|
ลูกผสม
|
55 เมล็ดกลม สีเหลือง (RrYy) = 1
|
|
51 เมล็ดกลม สีขียว (Rryy)
= 1
|
||
49 เมล็ดย่น สีเหลือง (yyYy)
= 1
|
||
52 เมล็ดย่น สีเขียว (rryy)
= 1
|
ซึ่งผลการทดลองจะตรงกับการผสมทดสองลักษณะ
นั่นแสดงให้เห็นว่าในการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ ยีนที่อยู่เป็นคู่ จะแยกออกจากกัน
และมาเข้าชุดกันอย่างอิสระ จึงทำให้ได้ลูกรุ่นที่ 2 ในอัตราส่วน
9 : 3 : 3 : 1 เมื่อทำการผสมตัวเองและเมื่อทำการผสมทดสอบ
จะได้ลูกในอัตราส่วน 1 : 1 : 1 : 1 เป็นต้น
ลักษณะที่ 2
|
ลักษณะที่ 1
|
|
1/2 เมล็ดกลม
|
1/2 เมล็ดย่น
|
|
1/2 เมล็ดสีเหลือง
|
1/4 เมล็ดกลม สีเหลือง
|
1/4 เมล็ดย่น สีเหลือง
|
1/2 เมล็ดสีเขียว
|
1/4 เมล็ดกลม สีเขียว
|
1/4 เมล็ดย่น สีเขียว
|
กฎของความน่าจะเป็นมี 2 ข้อ คือ
1. กฎของผลคูณ "เหตุการณ์ใด ๆ
ที่ต่างเป็นอิสระต่อกัน โอกาสที่เหตุการณ์เหล่านั้นจะเกิดขึ้นได้พร้อมกัน
มีค่าเท่ากับผลคูณของโอกาสของแต่ละเหตุการณ์" เช่น
เมล็ดกลมมีโอกาสปรากฏ ¾
เนื้อเมล็ดสีเหลืองมีโอกาสปรากฏ ¾
ดังนั้น โอกาสที่จะเกิดขึ้น คือ
เมล็ดกลม-สีเหลือง = 3/4x3/4 = 9/16
เมล็ดกลม-สีเขียว = 3/4x1/4 = 3/16
เมล็ดขรุขระ-สีเหลือง = 1/4x3/4 = 3/16
เมล็ดขรุขระ-สีเขียว = 1/4x1/4 = 9/16
2. กฎของผลบวก "เหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้พร้อม ๆ กัน
ผลรวมของโอกาสของแต่ละเหตุการณ์มีค่าเท่ากับ 1"
เช่น โอกาสที่จะเกิดบุตรชายเท่ากับ 1/2 โอกาสที่จะเกิดบุตรหญิงเท่ากับ
1/2 รวมกันแล้วมีค่าเท่ากับ 1
จากการพิจารณาสองลักษณะดังกล่าวมาแล้ว ยีนที่ควบคุมลักษณะรูปร่างเมล็ด
และยีนที่ควบคุมลักษณะสีของเมล็ดสามารถแยกตัวออกจากกันเข้าสู่เซลล์สืบพันธุ์
และรวมกันได้อย่างอิสระ ทำให้เกิดข้อที่ 2 คือ
กฎแห่งการรวมกลุ่มอย่างอิสระ (
Law of Independent Assortment )
(ศึกษาเพิ่มเติม http://www.youtube.com/watch?v=kHdn4k7vL6I )
(ศึกษาเพิ่มเติม http://www.youtube.com/watch?v=kHdn4k7vL6I )
"ในการรวมกันของเซลล์สืบพันธุ์จะมีการรวมกลุ่มของยีนเป็นไปอย่างอิสระ"
กล่าวคือในขบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์
ยีนแต่ละคู่จะแยกตัวออกจากกัน และกลับเข้ารวมตัวกันใหม่กับยีนอีกคู่หนึ่งอย่างอิสระ
วิธีการหาเซลล์สืบพันธุ์
จีโนไทป์ที่มีจีนหลาย ๆ คู่ เมื่อจะหารูปแบบหรือชนิดของเซลล์สืบพันธุ์
ยีนแต่ละคู่จะแยกออกจากกันและจับคู่กันใหม่ในไซโกต
แต่ละยีนมีโอกาสและอิสระในการจับคู่ใหม่ทำให้ค่อนข้างซับซ้อนและผิดพลาด
เช่น จากการผสม RrYy x RrYy
วิธีดังกล่าวเป็นที่นิยมกันมาก สะดวก รวดเร็ว และผิดพลาดน้อย เรียก
ระบบการต่อกิ่งหรือแขน (branching system) โดยเริ่มจากการนำจีนแต่ละคู่ที่มีอยู่ในจีโนไทป์มาแยกให้อยู่ในสภาพเดี่ยวแล้วใช้จีนคู่แรกที่อยู่ในสภาพเดี่ยวเป็นตัวตั้งต้น
นำจีนคู่ถัดไปมาต่อเป็นกิ่งหรือแขนไปเรื่อย ๆ จนครบยีนทุกคู่ของจีโนไทป์นั้น
ดังตัวอย่างต่อไปนี้
แบบฝึกกิจกรรม จงหาชนิดและจำนวนเซลล์สืบพันธุ์ของจีโนไทป์ต่อไปนี้
ก. SsYy
ข. AABBCc
ค. AABbCcDD
ข. AABBCc
ค. AABbCcDD
ชื่อ น.ส.ปาริชาติ มีมา ชั้น ม.6/7 เลขที่30
ตอบลบ